หลังจากที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม มีมติว่าญัตติการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเสนอญัตติซ้ำต้องห้ามตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 นั้น ทำให้ถูกมองว่านายพิธา อาจจะหมดโอกาสถูกเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภาแล้ว หรืออาจจะว่าหมดโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้ว ส่งผลให้สูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเริ่มถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น
“ชลน่าน” ลั่น ถ้าเสนอนายกฯ ต้องมั่นใจว่าได้ ย้ำชัดไม่แตะ ม.112
"ชัยธวัช" เผย 2 คณะเจรจา "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ยังไม่ได้คุยเสนอโหวตนายกฯ รอบ 3
วิบากกรรมการเมือง "พิธา" กับ "ธนาธร" ไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ
ทั้งนี้หากประมวลจากเสียง สส.ของแต่ละพรรค และเงื่อนไขสำคัญที่ถูกพูดถึงในสภาและการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการแก้มาตรา 112 และการไม่เอาลุง ก็สามารถสรุปสูตรตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย ได้คร่าวๆ 4 สูตร ดังนี้
สูตรแรก คือ พรรคเพื่อไทยนำตั้งรัฐบาลโดยที่ยังจับมือกับพรรคก้าวไกล มีเสียงในมือ 312 เสียง
โดยสูตรนี้ต้องยอมรับว่า ยาก เพราะ สว. และ สส.ขั้วรัฐบาลเดิม มีเงื่อนไข ไม่แก้ไขมาตรา 112 และพรรคก้าวไกลก็ไม่น่าจะยอมถอย เรื่องแก้ไขมาตรา 112 เพราะ หากจะถอยคงถอยตั้งแต่ตอนเสนอนายพิธาแล้ว ถอยตอนนี้ไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่นัก
สูตรที่สอง คือ พรรคเพื่อไทยสลัดพรรคก้าวไกลออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาล เพราะติดเงื่อนไขเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งพรรคเป็นธรรม ประกาศแล้วว่าจะอยู่กับก้าวไกล หมายความว่า ขั้วนี้จะเหลือ 6 พรรค โดยมีเสียง 160 เสียง ทั้งนี้ถ้าไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และพรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง จะรวมกันได้ 243 เสียง
โดยสูตรนี้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร อาจจะบริหารยากต้องหาเสียงสนับสนุนจากพรรคเล็กเพิ่ม แต่ที่น่าสนใจ คือ สูตรนี้ ไม่มี 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ และไม่มีพรรคก้าวไกล ซึ่งก็ต้องลุ้นว่า สูตรนี้ สว.จะโหวตสนับสนุนหรือไม่
สูตรที่สาม คือขั้ว 8 พรรค สลัดเหลือ 5 พรรค คือ ตัดพรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาล เพราะไม่ค่อยลงรอยกับพรรคเพื่อไทยเท่าไหร่นัก ดังนั้นจะเหลือ 5 พรรค ซึ่งมีเสียงรวมกัน 154 เสียง และถ้าไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และพรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง จะรวมเสียง ส.ส. ได้เป็น 277 เสียง (เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร)
ซึ่งสูตรนี้ ไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่มี “ลุงตู่” ไม่มีคุณหญิงสุดารัตน์ และไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ แต่มี “ลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ถ้าดูทั้ง 3 สูตร ดูเหมือนสูตรนี้จะน่าสนใจ เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และ สว.ก็น่าจะยกมือโหวตให้
สูตรที่สี่ คล้ายสูตรที่ 3 คือ มี 5 พรรค 154 เสียง ถ้าไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง แต่จะมีพรรคประชาธิปัตย์เติมเข้าไป 25 เสียง รวมเป็น 262 เสียง (เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเช่นกัน)
ซึ่งจะทำให้สูตรนี้ ไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่มี 2 ลุง และไม่มีคุณหญิงสุดารัตน์ ส่วนสูตรนี้ สว.จะโหวตให้หรือไม่ เพราะการโหวตนายกรัฐมนตรีต้องการเสียง 375 เสียงขึ้นไป สูตรนี้มีแค่ 262 เสียง ยังขาดอีก 113 เสียงที่ต้องได้จาก สว. หรือ สส.จากพรรคอื่นนอกเหนือจากพรรคในสมการนี้
แต่กว่าจะได้คำตอบว่าท้ายที่สุดแล้วผลจะออกตามสูตรไหน คงต้องลบุ้นก่อนว่าในวันที่ 27 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ เ พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จะยังยืนยันจับมือกัน เพื่อเสนอชื่อแคนดิเดคนายกรัฐมนตรี โดยยึดตามสูตรแรก 312 เสียงของ 8 พรรค อย่างเดิมหรือไม่ เพราะสูตรนี้ อาจจะทำให้แคนดิเดตที่ได้รับการเสนอชื่อ เสี่ยงซ้ำรอยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่จะเสนอชื่อเพื่อให้รัฐสภาโหวตซ้ำไม่ได้คำพูดจาก เว็บสล็อต777